ชัวร์ก่อนแชร์: โรคฝีดาษวานร
วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2565: 10.00 น.: ห้อง 111 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานกล่าวเปิดงานเสวนาวิชาการ Chula the Impact ครั้งที่ 9 เรื่อง “ชัวร์ก่อนแชร์: โรคฝีดาษวานร” โดยมี ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ผศ.น.สพ.ดร.สว่าง เกษแดงสกลวุฒิ อาจารย์ประจำภาควิชาพยาธิวิทยาและหน่วยชันสูตรโรคสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ร่วมเสวนา และ ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล Chief Brand Officer จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ดำเนินรายการ
ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีพันธกิจในการชี้นำและขับเคลื่อนสังคมไทยและสังคมโลก เมื่อสังคมไทยและประเทศชาติเผชิญปัญหา จุฬาฯ พร้อมให้คำตอบซึ่งเป็นความรู้ที่ถูกต้องน่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่สาธารณชน ข่าวการระบาดของโรคติดต่อล่าสุดคือ “ฝีดาษลิง” สร้างความตื่นตระหนกเกี่ยวกับโรคนี้ไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่เตรียมพร้อมเฝ้าระวังเพื่อป้องกันโรคนี้ งานเสวนาครั้งนี้จะให้คำตอบเพื่อไขความกระจ่างเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องได้มาตรฐาน ซึ่งดำนินการโดยศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทางด้าน ผศ.น.สพ.ดร.สว่าง เกษแดงสกลวุฒิ กล่าวว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อไวรัส Monkeypox เป็นไวรัสที่มีความใกล้เคียงกับโรคฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษ พบครั้งแรกเมื่อปี 2501 ในห้องแลปที่ประเทศเดนมาร์ก จากลิงที่ใช้ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ส่วนการพบโรคนี้ในมนุษย์ครั้งแรกเมื่อปี 2513 ที่ประเทศคองโก ทวีปแอฟริกา พาหะของโรคฝีดาษลิงคือ “สัตว์ฟันแทะ” เช่น กระรอก หนู แพรีด็อก ฯลฯ สามารถติดเชื้อได้จากการโดนสารคัดหลังจากสัตว์ป่วยที่มีเชื้ออยู่ สำหรับกลุ่มคนที่ล่าสัตว์และนำเนื้อมาชำแหละก็มีความเสี่ยงได้เช่นกัน
“สิ่งที่ต้องระวังคือการนำเข้าสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ต่างถิ่นเข้ามาโดยไม่รู้ที่มา เพราะถึงแม้สัตว์จะเป็นพาหะนำโรค แต่อาการของสัตว์จะไม่แสดงออกชัดเจน จึงต้องเฝ้าระวังสัตว์ที่นำเข้ามา และควรให้ความรู้กับคนที่เลี้ยงสัตว์ต่างถิ่นในเรื่องความเสี่ยงและวิธีการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลด้วย” ผศ.น.สพ.ดร.สว่าง กล่าว
ในขณะที่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เผยว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในหลายประเทศทั่วทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือ ข้อมูลเบื้องต้นจากการทดสอบทางแล็ป โดยวิธี PCR ระบุว่าไวรัสฝีดาษชนิด Monkeypox ที่ตรวจพบในยุโรปและพื้นที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่เฉพาะถิ่น เป็นสายพันธุ์ไวรัสจากแอฟริกาตะวันตก ในระยะ 3-4 วันแรกผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการเหมือนการติดเชื้อไวรัส แล้วจึงเกิดเป็นตุ่มแผลกระจายตามจุดต่างๆ แผลที่อวัยวะเพศและบริเวณรอบทวารหนัก อาการแสดงทางผิวหนังเป็นผื่น ตุ่มหนองขึ้นเหมือนอีสุกอีใส เมื่อแห้งจะตกสะเก็ดโดยทิ้งรอยโรค และสามารถหายเองได้ในระยะเวลา 2-4 สัปดาห์ ร่วมถึงอาการข้างเคียงที่เกิดร่วมมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต และแผลในปาก ปวดระหว่างการกลืน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หลังหรือศีรษะ อ่อนเพลีย
สำหรับประเทศไทยจะต้องคอยสังเกตการณ์ความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตามมติประกาศของกระทรวงสาธารณสุขให้โรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยต้องมีการศึกษาและเก็บข้อมูลเรื่องโรคฝีดาษลิงอย่างเร่งด่วน แม้โรคฝีดาษลิงมีความรุนแรงน้อย เมื่อติดเชื้อแล้วมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 1-10 % เท่านั้น แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ จะไม่ทราบได้ว่าใครติดแล้วจะมีระดับความรุนแรงมากขนาดใด ดังนั้นควรป้องกันตนเองและไม่ไปสัมผัสเชื้อจะปลอดภัยที่สุด
ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหน่วยงานภายใต้ความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกด้านการค้นคว้าและอบรมไวรัสจากสัตว์สู่คน มีบริการตรวจวิเคราะห์เชื้อไวรัสฝีดาษลิงโดยการตรวจสารพันธุกรรมสไวรัสจีนัส Orthopoxvirus ด้วยเทคนิค Conventional PCR และตรวจจำแนกไวรัสฝีดาษลิงด้วยการทดสอบลำดับสารพันธุกรรมของเชื้อ สามารถติดต่อส่งตัวอย่างเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคได้ที่ โทร. 0-2256-4000 ต่อ 3562, 09-4364-1594, 08-5858-1469
#แพทย์จุฬาฯ
#MDCU
#ฝีดาษลิง
#ฝีดาษวานร
#Monkeypox
กลับไปหน้าข่าวประชาสัมพันธ์