คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับ บริษัท Mitsubishi UFJ Research and Consulting จำกัด เพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีวินิจฉัย ป้องกัน และรักษาโรคด้านจักษุวิทยา
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ Mr. Masakazu Ikeda ประธานบริษัท Mitsubishi UFJ Research and Consulting จำกัด กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีวินิจฉัย ป้องกัน และรักษาโรคด้านจักษุวิทยา ระหว่าง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ บริษัท Mitsubishi UFJ Research and Consulting จำกัด ประเทศญี่ปุ่น โดยมี รศ.นพ.อรรณพ ใจสำราญ รองคณบดีฝ่ายวิรัชกิจ, รศ.พญ.วิลาวัณย์ พวงศรีเจริญ หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา, รศ.พญ.วิศนี ตันติเสวี รองหัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา ฝ่ายวิรัชกิจ, ศ.พญ.วสี ตุลวรรธนะ อาจารย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา, รศ.(พิเศษ) นพ.ภาคภูมิ คัมภีร์พันธุ์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหาร และ อาจารย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา และ อ.นพ.รัฐ อิทธิพานิชพงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันแถลงข่าวการลงนามความร่วมมือนี้ ในวันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 12.00 น. ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ แฟนเพจ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ ได้ลงนามเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2564 เพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีวินิจฉัย ป้องกัน และรักษาโรคด้านจักษุวิทยาร่วมกัน อาทิ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) และอุปกรณ์อัจฉริยะ (smart devices) ให้กับกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางและกลุ่มประเทศรายได้ต่ำ (LMICs) โดย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท Mitsubishi UFJ Research and Consulting จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ได้วางแผนร่วมกันในการสนับสนุนสุขภาพระดับโลกผ่านการทำวิจัยและการพัฒนาโครงการใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีวินิจฉัยโรคด้านจักษุวิทยา โดยอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความร่วมมือของหน่วยงานแต่ละแห่ง
จากสถิติในช่วงไม่กี่ปีผ่านที่มา มีจำนวนผู้ป่วยโรคด้านจักษุวิทยาและความบกพร่องทางการมองเห็นมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในประเทศต่างๆ สืบเนื่องจากการเพิ่มประชากร การสูงวัยขึ้นของประชากร และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ การวินิจฉัยและรักษาโรคด้านจักษุวิทยา เป็นประเด็นทางสุขภาพที่ได้รับการมองข้ามในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางและกลุ่มประเทศรายได้ต่ำ เมื่อเทียบกับประเด็นสุขภาพอื่นๆ อีกทั้งการเข้าถึงการวินิจฉัยและรักษาโรคด้านจักษุวิทยาที่มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้น ในกลุ่มประเทศดังกล่าวต่างเผชิญกับจำนวนผู้ป่วยโรคด้านจักษุวิทยาและความบกพร่องทางการมองเห็นที่เพิ่มสูงขึ้น จึงจำเป็นอย่างที่จะต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโรคอย่างเหมาะสม และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิผล จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ด้านจักษุวิทยา และเพิ่มคุณภาพการวินิจฉัยและรักษาโรคด้านจักษุวิทยา
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างนวัตกรรม ผลักดันการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการวิจัยและการให้บริการทางการแพทย์ สร้างชุมชนการวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีวินิจฉัยโรคอย่างยั่งยืน ส่งเสริมบุคลากรในการพัฒนาโครงการวิจัย และเพิ่มคุณภาพงานวิจัยอย่างสม่ำเสมอ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการเป็นผู้นำการสร้างสรรค์องค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อสร้างเสริมสังคมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน รวมไปถึงยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในการพัฒนางานวิจัยและสร้างนวัตกรรมที่มีประโยชน์สูงเพื่อสังคม
และในโอกาสอันดีนี้ เราจึงได้แถลงความก้าวหน้าอีกขั้นของภาควิชาจักษุวิทยา ในการสร้างความร่วมมือกับ บริษัท Mitsubishi UFJ Research and Consulting จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาและการวิจัยในเครือ Mitsubishi UFJ Financial Group (MUFG) โดยตั้งอยู่ที่กรุงโตเกียว กรุงนาโกยา และกรุงโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เป็นบริษัทที่มุ่งขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องการบริการให้คำปรึกษาสำหรับองค์กรต่างๆ การวิจัยเชิงนโยบายสำหรับรัฐบาลแห่งชาติและรัฐบาลท้องถิ่น การบริการข้อมูลเพื่อการจัดการ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการวิจัยทางเศรษฐกิจ โดยมีหน่วยงานภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ คือ Center on Global Health Architecture ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาประเด็นสุขภาพโลก ในการร่วมกันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีวินิจฉัยโรคด้านจักษุวิทยา
รศ.นพ.อรรณพ ใจสำราญ รองคณบดีฝ่ายวิรัชกิจ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสริมว่า คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสถาบันชั้นนำในการผลิตแพทย์ในประเทศไทย ได้มีข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันอุดมศึกษาในต่างประเทศ รวมทั้งหน่วยงานทางภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ เป็นจำนวนมาก รวมจำนวน 52 แห่ง ซึ่งครอบคลุมภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศญี่ปุ่นที่ทางเราได้มีความสัมพันธ์ร่วมกันมาเป็นเวลายาวนาน นับเป็นการต่อยอดงานวิจัยทางการแพทย์ให้มีความก้าวหน้า เพื่อประโยชน์ต่อประเทศในอนาคต
กลับไปหน้าข่าวประชาสัมพันธ์