5 ภาคี ผนึกกำลังเปิดตัว ‘โควิแทรป’ สเปรย์พ่นจมูกแอนติบอดี ยับยั้งโควิด-19 ทางกายภาพ
วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2565: 10.00 น.: ห้องประชุม THE MITR-TING ROOM สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เป็นประธานกล่าวเปิดงานแถลงข่าว ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกเพื่อดักจับและยับยั้งโควิด-19 ทางกายภาพ ภายใต้แบรนด์ เวลล์ โควิแทรป แอนติ-โคฟ นาซอล สเปรย์ (VAILL COVITRAP Anti-Cov Nasal Spray) ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในการพัฒนานวัตกรรมที่นำเอาเทคโนโลยีแอนติบอดีที่จำเพาะต่อเชื้อโควิด-19 เข้ามาอยู่ในสเปรย์พ่นจมูก ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันทางกายภาพที่ช่วยดักจับและยับยั้งเชื้อโควิด-19 โดยมี รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วย นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม รอ.นพ.นิมิต ประสิทธิ์ดำรง ผู้เชี่ยวชาญกิตติมศักดิ์ และ นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS เข้าร่วมการแถลงข่าว
ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกที่มีส่วนผสมของแอนติบอดี เพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพ เกิดจากความร่วมมือที่ได้รับการวิจัยและคิดค้นโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ไทย ของ 5 ภาคีเครือข่ายจากภาครัฐและเอกชน คือ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ มหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) องค์การเภสัชกรรม และ บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ที่ได้ร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมไทยมาใช้ได้จริงจากหิ้งสู่ห้าง โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ได้ไฟเขียวอนุมัติขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อย และพร้อมจัดจำหน่ายเดือนตุลาคม 2565 นี้
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น เผยว่า ความสำเร็จของนวัตกรรมสเปรย์พ่นจมูกเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 นี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคนไทย ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข พร้อมส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ ภาคีเครือข่ายทั้ง 5 จากภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมแอนติบอดีที่มีคุณสมบัติเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 ให้เป็นนวัตกรรมสุขภาพต้นแบบในการขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพคนไทย และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนไทยมากยิ่งขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพของประเทศไทย
ทางด้าน รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความมุ่งมั่นในการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมในการป้องกันและรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์สำคัญระดับประเทศต่างๆ เช่น การพัฒนาวัคซีน ChulaCov 19 เครื่องช่วยหายใจ อัตราการไหลสูง Chula High Flow Nasal Cannula และงานวิจัยที่ศึกษาถึงผลกระทบกับสุขภาพในระยะยาวของผู้ติดเชื้อ เป็นต้น องค์กรมีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะนำองค์ความรู้จากการทำวิจัย โดยทีมนักวิจัยแพทย์จุฬาฯ คือการใช้เทคโนโลยีในระดับ “Deep Tech” ที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมยาชั้นนำของโลกมาพัฒนาแอนติบอดีที่มีคุณสมบัติยั้บยั้งเชื้อโควิด-19 ได้อย่างจำเพาะและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทีมนักวิจัยได้บ่มเพาะและพัฒนามาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาด โดยได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐ คือ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และภาคประชาชน กระทั่งสามารถพัฒนาแอนติบอดีต้นแบบได้ พร้อมทั้งยื่นจดสิทธิบัตรในระดับสากลเป็นที่เรียบร้อย ประสบความสำเร็จในการถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ไปสู่ภาคเอกชนเพื่อนำไปต่อยอดในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ ซึ่งได้ดำเนินการทำการวิจัยทางคลินิกและได้รับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เป็นที่เรียบร้อย
ขณะที่ นางวรวรรณ ไชยกำเนิด กล่าวถึงคุณสมบัติและการใช้งานว่า เมื่อนำสเปรย์มาพ่นจมูกจะสามารถทำงานทันทีและครอบคลุมต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง ด้วยหลักการทำงาน 2 กลไก ได้แก่ 1. ดักจับด้วย HPMC โดยทำหน้าที่เคลือบบริเวณพื้นผิวโพรงจมูก ทำให้ความสามารถในการเกาะของเชื้อไวรัสที่บริเวณโพรงจมูกลดลง 2. ยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางกายภาพ ที่เข้ามาในบริเวณโพรงจมูก ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายใช้พ่นที่โพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง สอดหัวพ่นเข้าไปในโพรงจมูกในแนวตั้ง พ่นข้างละ 2 ครั้ง ใช้ได้ตามต้องการทุกๆ 6 ชั่วโมง ได้ถึงวันละ 3 ครั้ง พร้อมจัดจำหน่ายให้แก่ประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 นี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Official Line @Covitrap หรือ Facebook โควิแทรป https://www.facebook.com/covitrap นอกจากนี้ยังสามารถสอบถามเภสัชกรประจำร้านยาองค์การเภสัชกรรม, สถานพยาบาล The Senizens และสถานพยาบาล Panacura ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
กลับไปหน้าข่าวประชาสัมพันธ์